วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

5.หนังสือ ผ่านพบไม่ผูกพัน





ผมพึ่งอ่านหนังสือเล่มนี้จบเมื่อวานนี้ครับ 
เป็นหนังสือที่ผมตามหาซื้อมาตลอด3ปี แต่หาไม่เคยเจอเลย
 
เป็นหนังสือของอ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล 
ที่ได้รับการยกย่องว่า ดีที่สุด และ ตกผลึกลึกสุด ของนักเขียนผู้นี้
 
ส่วนตัวผมไม่เคยอ่านหนังสือของอ.เสกสรรค์ มาก่อนซักเล่มเลยครับ
ตั้งใจไว้ว่า น่าจะ่อ่านผลงานที่ดีที่สุดของนักเขียนก่อน ก่อนที่จะลองอ่านเล่มอื่นๆ
นั่นจึงทำให้ผมอดกลั้นใจรอ ที่จะยังไม่อ่านเล่มใดๆ ของอ.เสกสรรค์เลย
จนกว่าจะได้อ่าน "ผ่านพบไม่ผูกพัน" เสียก่อน
 
หนังสือ "ผ่านพบไม่ผูกพัน" ถ่ายทอดความเข้าใจชีวิต
ผ่านทางประสบการณ์ชีวิต อันผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายของผู้เขียน
โดยมีเนื้อหาที่สะเทือนความรู้สึกนึกคิด และภาษาวรรณกรรมที่สวยงามจับใจ
 
ผมจะขอหยิบยกมาสักประเด็นหนึ่งที่ผมชอบ
นั่นคือ การเดินทางและการอยู่กับปัจจุบันขณะ
อ.เสกสรรค์ กล่าวไว้ดังนี้ครับ
 
"เดินทางอาจเป็นเรื่องสนุกปลุกเร้าความกระหายที่จะใช้ชีวิต
เดินทางอาจเป็นสภาวะอ้างว้างที่หลายคนไม่เคยผ่าน
แต่เชื่อหรือไม่ว่าในเที่ยวเดินทางส่วนใหญ่ สิ่งที่ท่านจะพบมากที่สุดคือ
 
ตัวตนของท่านเอง
 
คนเรา บางทีหากไม่เปลี่ยนเงื่อนไขแวดล้อม
บางด้านของความรู้สึกย่อมไม่สามารถโผล่ผลิออกมา..
คนเรา หากไม่ออกไปเผชิญคลื่นลมในทะเลกว้าง
หรือส้มผัสความเฉียบชันของโตรกผา บางทีก็พานคิดว่า
ดาวเดือนบนเวิ้งฟ้าจะต้องโคจรรอบชีวิตตื้นของตัวเอง...
 
ประเด็นมีอยู่ว่า เหนือบรรยากาศเปลี่ยวเหงาหรือครึกครื้นขึ้นไป
ยังมีแก่นแท้ของการเดินทาง ซึ่งก็คือการพลัดพรากผู้อื่น สิ่งอื่น
 
เพื่อนัดพบกับตัวเอง
 
และความจริงแท้ของชีวิตก็มิใช่อันไดอื่นนอกจากเกิดโดยลำพัง
ตายโดยลำพัง ระหว่างนั้นยังเป็นการเดินทางโดยลำพัง
 
เป็นโอกาสทองที่จะได้มองโลกโดยไม่จำเป็นต้องผูกพัน
และมองตัวเองโดยไม่มีผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง..
 
หากเป็นการเปิดพื้นที่โล่งให้กับการอยู่กับปัจจุบัน

คนเราส่วนใหญ่ ใช่หรือไม่ว่าทุกข์ร้อนอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมาเสียกว่าครึ่ง
อีกทั้งกังวลอยู่กับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นอีกกว่าค่อน
จนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างให้กับห้วงยามความหมายที่ปรากฏขี้นในเบื้องหน้า 
 
การเดินทางจะพาเรากลับมาสู่สิ่งนี้ได้ หากรู้จักซึมซับมัน
 
ยามสางเมื่อเห็นแสงแรกของวันโลมไล้คลื่นเขา
จงเป็นหนึ่งเดียวกับภาพนั้นราวทั่งทั้งพื้นพิภพไม่มีสิ่งอื่นใด
ยามสายเมื่อนอนเหยียดอยู่บนพรมหญ้าริมลำห้วย
ก็อย่าปล่อยให้ภาพรุ่งอรุณตามมาปิดบังแฉกแดด
ที่ผ่านลอดลงมาจากยอดไม้ ครั้นตกค่ำยินหริ่งหรีดเรไร
ก็อย่าได้ฝังใจจำอยู่กับเสียงน้ำไหลที่กล่อมให้หลับตอนกลางวัน
 
ถูกแล้ว ถ้าสามารถเข้าหาห้วงยามเบื้องหน้าเช่นนี้ได้
คุณจะพบว่าดวงตะวันสวยกว่าเดิม ไอห้วยเย็นฉ่ำกว่าที่คิด
สายน้ำมีถ้อยคำจะเอื้อนเ่อ่ย
 
ยามกลับจากท่องเที่ยวเดินทาง--

พลันคุณอาจพบว่า ผู้คนหน้าเดิมและ
สถานที่คุ้นเคยยังมีอะไรหลายอย่างให้คุณค้นหา
และพาตัวเองเข้าไปสัมผัสสัมพันธ์
 
ทั้งนี้เนื่องเพราะพื้นที่ในใจของคุณกว้างใหญ่กว่าเดิม
และคุณจะเข้าหาเขา เธอ หรือสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีเดียวกันกับที่
 
เพ่งมองดวงตะวันโลมไล้แผ่นผา"

.
.
 
บทความนี้นับว่าเป็นการเปิดโลกความคิดของผม
ในเรื่องการอยู่กับตนเองและการอยู่กับปัจจุบัน
 
ยังมีอีกหลายประเด็นในเล่มครับ ที่สั่นสะเทือนควา่มคิดและความรู้สึกของคนอ่าน
เป็นผลึกคิดที่กลั่นกรองมาจากชีวิตโดยนักเขียนคนหนึ่งที่ชื่อ
'เสกสรรค์ ประเสริฐกุล'








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น