วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

6.ทำสิ่งที่ชอบๆ

1.


ช่วงที่ผ่านมา ผมว่างอยู่หลายวันครับ 


เนื่องมาจากผมลาออกมาจากบริษัทเก่า 
และกำลังรอเข้าไปทำงานกับบริษัทใหม่
ก็เลยใช้เวลาว่างเหล่านั้น
กลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อน


ช่วงเวลาที่ผมทำงานอยู่ที่เก่านั้น
เต็มไปด้วยความรู้สึก เบื่อหน่ายและซ้ำซากยิ่งนัก 
เหมือนเป็นการใช้ชีวิตให้หมดหมดไป 
ทีละวัน ทีละวัน นานนับเป็นปี-ปี


หลังจากผมลาออกแล้ว ผมก็มีเวลาว่างช่วงหนึ่ง
ที่จะพักผ่อน เป็นความสุขมากมายสำหรับผม ที่จะได้รู้ว่า 
ตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมานั้น ผมจะได้ไม่ต้องไปใช้ชีวิต 
ในแบบที่ผมไม่ชอบนั้นอีก


ตลอดช่วงเวลาที่ “ว่าง”อยู่นั้น 
วันเวลาหมดไปกับ การนอน การอ่านหนังสือ 
ดูทีวี-กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมาทั้งวัน 
เล่นกับแมว   ช่วยงานที่บ้านบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ช่วงแรกๆก็มีความสุขดี แต่พอเวลาผ่านไป 
ความเบื่อก็เริ่มเข้ามาปกคลุม
จิตใจจึงเริ่มตั้งคำถาม 


หรือเป็นเพราะว่า 
มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่อย่างว่างๆ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ถูกสร้างมาให้ทำงาน
ที่ซ้ำซาก เบื่อหน่าย ไร้ความหมาย


แล้วคำตอบระหว่างตรงกลางมันคืออะไร 
เราถูกสร้างมา เพื่อให้ทำงานที่ไม่น่าเบื่อกระนั้นหรือ




2.


วันสองวันที่ผ่านมานี้ ผมได้อ่าน a day ฉบับล่าสุด
พี่โน้ต อุดม ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ เกี่ยวกับการทำในสิ่งที่รัก
มีบางคำพูดที่ผมชอบ พี่โน้ตกล่าวไว้ดังนี้ว่า


 “ทำที่เอ็งชอบๆ นั่นแหละ ชอบแบบไหน
ทำแบบนั้น ผมพูดคำนี้บ่อยมากเลย  ผมว่ามันเป็น
คำบ้านๆ ที่ใช้ได้ผลดีมากกับชีวิตของผมนะ ทำที่ชอบๆ 
ไปที่ชอบๆ กินที่ชอบๆ คนเราจะทำอะไรได้ดีได้ยังไง
ถ้าเราทำอะไรที่เราไม่ชอบ ชีวิตมีแค่นี้เอง (เสียงสูง) 
คุณชอบทำหนังสือ มีคนบังคับให้ไปทำงานซ่อมรถยนต์
ก็มันไม่ชอบ ตื่นเช้ามาก็ไม่อยากจะไปแล้ว
มันจะทำได้ดีได้ยังไงวะ”


“ ในฐานะสิ่งมีชีวิตหนึ่ง เกิดมาทั้งทีเราควรจะได้อยู่
ในที่ที่ชอบ ทำอย่างที่ชอบ จริงอยู่ที่ชีวิตเราเลือกไม่ได้
ขนาดนั้น แหม พี่ใครจะมาเลือกได้ทุกอย่างล่ะ ก็เลือก
ไม่ได้ทุกอย่าง แต่อย่างน้อย ก็ให้กูได้เลือกบ้างดิ
 ถัวเฉลี่ยแล้วก็น่าจะมีอะไรที่ชอบมากกว่าไม่ชอบน่ะ”




ทำที่ชอบๆ...




ผมคิดว่ามันเป็นปรัชญาที่ดูเรียบง่าย  แต่ช่างดูจริงแท้ยิ่งนัก
หรือว่าชีวิตมนุษย์ ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์แค่นี้เอง


พี่โน้ตได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการทำเดี่ยวว่า
ไม่คิดว่ามันเป็นการทำงาน เพราะมันคือ
สิ่งที่เค้ารักและหลงใหล  และนอกจากงานหลักแล้ว 
พี่โน้ตก็ยังมีงานอดิเรกที่ชอบทำด้วย
ไม่ว่าจะเป็นงานปั้น งานเพ็นท์รูป 


แม้งานอดิเรกที่ทำอยู่จะไม่ได้เงิน
แถมต้องเสียเงินเยอะ
กับค่าอุปกรณ์อีกต่างหาก
แต่ก็เป็นสิ่งที่พี่โน้ตชอบและรัก  


ผมคิดว่า ถึงแม้ว่างานหลักที่หาเลี้ยงชีพของเรานั้น
จะไม่ใช่งานที่เรารัก แต่เราก็สามารถเอาสิ่งที่เรารัก
มาทำเป็นงานอดิเรกได้ 


ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของเรานะ
คนเราจะรู้สึกมีคุณค่าและมีความหมาย ก็ต่อเมื่อ
ได้ทำในสิ่งเราเกิดมาเพื่อสิ่งนั้น
ใครที่ฝึนใจทำงานที่ไม่ชอบ นานวันเข้า 
พลังชีวิตจะถูกดูดและถูกบั่นทอน


สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ผมเคยอ่านเจอ
คุณบัณฑิต อึ้งรังษี เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับวิธีค้นหา
สิ่งที่ตัวเองชอบ ให้สมมุติว่า วันนี้เราเกิดถูกล็อตตาลี่
ได้รับเงินรางวัล 1000 ล้านบาท คือไม่ต้องทำงาน 
ก็มีเงินเหลือใช้ไปตลอดชีวิต คำถามคือเรายังคงทำงาน
อย่างที่ทำในปัจจุบันนี้อยู่รึเปล่า ถ้าไม่?  แล้วจะทำอะไร


เป็นแนวคิดที่ผมชอบมาก  
เพราะมันทำให้เราซื่อสัตย์กับของหัวใจตัวเอง
ทำให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วเราชอบอะไร 
โดยไม่มีเรื่องเงินมาเป็นเงื่อนไข
และผมใช้สิ่งนี้มันสำรวจตรวจสอบตัวเองทุกวัน




3.


ช่วงหลายวันที่ผมนอนดูทีวีอยู่บ้าน 
ได้เห็นข่าวหายนะทั่วโลกเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
ไม่ว่าเฮลิคอปเตอร์ตกในไทย ก่อการร้ายในนอร์เวย์
และรถไฟชนกันในจีน 


ผมมีความรู้สึกว่า ชีวิตมันไม่มีอะไรมั่นคงและ
แน่นอนเสียเลย ความตายอาจจะมาพรากเราไป
ในเวลาที่เราไม่คาดคิดก็ได้ แล้วถ้าถึงเวลานั้น
เรายังไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหลือเกิน


เพราะ ฉ นั้น จงไปทำอะไรที่เราสนุกกับมัน กันเถอะครับ
ไม่แน่นะครับว่า อาจจะทำให้เราได้เข้าใจ
ความรู้สึก ของความเป็นมนุษย์ 
ที่เราทำหล่นหายไป นานแสนนาน...
กลับคืนมา





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น